เนรมิตความสวยด้วยร้อยไหมก้างปลา
|หากจะพูดถึงเคล็ดลับความสวยความงามของคุณผู้หญิงหลาย ๆ คน แต่ละคนก็มีวิธีแตกต่างกันไป บางคนก็เลือกวิธีสวยจากภายในเช่นการเลือกรับประทานของที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายควบคู่ ส่วนบางคนก็เลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับความสวยความงามมาช่วยบำรุงผิวพรรณ และรูปร่าง
ซึ่งถ้าจะพูดถึงเทคโนโลยีที่ช่วยในเรื่องนี้ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การร้อยไหม นั้นกำลังเป็นที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เราจึงขอนำข้อมูลคร่าว ๆ มาบอกกล่าวคุณผู้หญิงกันว่าวิธีนี้มีกระบวนการทำ ข้อดี-ข้อเสีย และความเสี่ยงอย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลย
ร้อยไหม
คือ นวัตกรรมหัตถการทางการแพทย์ประเภทหนึ่งที่ทันสมัยและได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าให้ยกกระชับ เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย เผยผิวแลดูอ่อนเยาว์ และช่วยในการปรับโครงหน้าให้เรียวเข้ารูปโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด นอกจากนี้การร้อยไหมยังสามารถแก้ไขเฉพาะจุดตามบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าได้ด้วยเช่น หน้าผาก ร่องแก้ม จมูก และขากรรไกรเป็นต้น
เส้นไหมที่นำมาใช้นั้นคือ พอลิไดอ๊อกซาโนน (Polydioxanone เรียกสั้น ๆ ว่า PDO) เป็นเส้นไหมที่ใช้ในวงการศัลยกรรมการเย็บว่ามีความปลอดภัย ละลายได้เองภายใน 6-8 เดือน และได้รับการรับรองผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยจะนำเส้นไหมจำนวนหลายเส้นมาสอดเข้าสู่ใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเกิดการอักเสบ มีการสร้างเส้นเลือดใหม่ส่งผลให้มีการไหลเวียนของเลือดมาเลี้ยงชั้นผิวหนัง และมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาพันรอบแนวเส้นไหม อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนบริเวณใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เนื้อเยื่อกระชับตัว และเต่งตึงมากขึ้น
ชนิดของเส้นไหม
แบ่งออกเป็น 3 ชนิดดังนี้
- เส้นไหมเงี่ยง (Cog threads) คือ เส้นไหมเส้นเดียวที่มีเงี่ยงตามแนว ช่วยให้เกิดการยึดเกาะด้านในชั้นผิวหนัง โดยเงี่ยงจะช่วยยกเนื้อเยื่อหรือบริเวณผิวหนังที่หย่อนคล้อย อีกทั้งช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่บริเวณรอบเส้นไหมและเงี่ยง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับปรับโครงหน้าให้เรียวเข้ารูป
- เส้นไหมเกลียว (Screw threads) คือ เส้นไหมเส้นเดียวหรือสองเส้นที่พันเกลียวเข้าหากัน ช่วยเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบเป็นแอ่ง มีความแข็งแรงกว่าไหมเส้นเรียบ ส่วนใหญ่ไหมประเภทนี้จะเหมาะกับการยกชั้นผิวหนังที่หย่อนยาน
- เส้นไหมเรียบ (Mono threads) คือ ลักษณะเส้นจะเรียบ ไม่มีเงี่ยง ปุ่ม หรือเกลียว ใช้ร้อยบริเวณหน้าผาก ใต้ตา และคอ เพื่อให้ผิวหนังเต่งตึงเพิ่มขึ้น แต่จะไม่ได้ช่วยยกกระชับในชั้นผิวหนัง
รู้จักชนิดของเส้นไหมกันไปแล้ว ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับประเภทการร้อยกันเลย โดยการร้อยไหมนั้นมีอยู่หลายประเภท แต่ที่ได้รับความนิยมมากก็คือ การร้อยไหมก้างปลา นั่นเอง
การร้อยไหมก้างปลา (Barb)
คือ การใช้เส้นไหมที่มีลักษณะเป็นเงี่ยงโผล่ออกมา คล้ายก้างปลาทั้งสองข้าง โดยชื่อของเงี่ยงประเภทนี้ทางการแพทย์มีชื่อเรียกว่า Bidirectional Barbed Thread ไม่ได้เรียกตรง ๆ ว่า fishbone (ก้างปลา) แต่อย่างใด บางคนก็เรียกสั้น ๆ ว่า ไหมเงี่ยง ไหมปากฉลาม และไหมเงี่ยงกุหลาบเป็นต้น
การร้อยประเภทนี้เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ต้องการแก้ไขเพื่อช่วยดึงหน้า ให้ยกกระชับ กรอบหน้าเข้ารูปวีเชฟมากขึ้น
สิ่งที่ควรให้ความสำคัญของไหมก้างปลา
- วัสดุที่นำมาใช้ ต้องมีความปลอดภัย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 3 ชนิด ดังนี้
-
- PDO เป็นเส้นไหมที่คนนิยมใช้กันมาก เพราะมีความยืดหยุ่น นิ่ม ไม่เปราะ และมีความปลอดภัย อายุประมาณ 6 เดือน
- PLLA เป็นเส้นไหมที่มีความเปราะ หักง่าย ช่วยกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจนได้เยอะ สามารถเติมแทนฟิลเลอร์ได้ แต่ค่อนข้างมีความเสี่ยงในการใช้งานเลยไม่เป็นที่นิยม มีอายุประมาณ 1 ปี
- PCL เป็นเส้นไหมที่ความยืดหยุ่นสูง สามารถบิดงอได้ อายุประมาณ 1 ปีครึ่ง สามารถเติมได้เรื่อย ๆ แต่บางคนถ้าผิวขาดคอลลาเจน และอีลาสตินมาก ๆ ก็จะทำให้ผิวหลุดออกจากเส้นไหมก่อนที่จะละลายได้
- ขนาดของเส้นไหม
หน่วยวัดสากลได้แก่ USP2-0, USP0, USP1, และ USP2
ในการแบ่งวัสดุและขนาดของเส้นไหมตามหลักสากล จะช่วยให้สามารถบ่งบอกชนิดได้อย่างชัดเจน ว่าไหมชนิดนั้นมีคุณภาพหรือไม่ มีลักษณะเป็นอย่างไร กี่วันถึงเห็นผล ระยะเวลาอยู่ได้นานไหม โดยลักษณะของไหมก้างปลาที่ดีที่สุด จะต้องละลายช้า และมีระยะเวลาที่ยาวนาน
แล้วต้องร้อยไหมกี่เส้นกันล่ะ?
หากจะพูดถึงจำนวนเส้นที่จะใช้ร้อยไหมแล้วนั้น คนไข้จะต้องให้แพทย์ทำการประเมินใบหน้าก่อน เพราะแต่ละคนก็มีผิวที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจำนวนเส้นไหมก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อแก้ม ความแน่นของผิว และบริเวณที่จะทำการร้อยไหมเพื่อดึงหน้า
ขั้นตอนการร้อยไหม
ก่อนเริ่มแพทย์จะทาหรือฉีดยาชา จากนั้นจึงนำไหมที่สอดผ่านปลายเข็มแล้ว ร้อยเข้าสู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนัง โดยแบบที่มีเงี่ยงจะสอดในระดับบริเวณใต้ชั้นผิวหนัง ส่วนแบบไม่มีเงี่ยงจะสอดในแนวระนาบของชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งจะใช้วิธีการร้อยเรียงเส้นไหมเป็นร่างแห เมื่อร้อยไหมแล้วจะเกิดแรงตึงทำให้หน้ารู้สึกยกกระชับ มีความเต่งตึง หลังทำเสร็จผิวจะมีอาการบวม แดงช้ำตามแนวการร้อย แต่อาการจะบรรเทาภายใน 1 – 2 สัปดาห์
สิ่งที่ควรทำก่อนและหลังร้อยไหม
ก่อนร้อยไหม
- ควรศึกษาข้อมูลสถานที่ที่จะใช้บริการให้ดี
- แจ้งประวัติส่วนตัวเกี่ยวกับอาการแพ้ และโรคประจำตัวแก่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง เพื่อประเมินความเสี่ยง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
- งดทานอาหารเสริม หรือวิตามินที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
หลังร้อยไหม
- งดทำทรีทเม้นท์ สปาผิวหน้า หรือเลเซอร์ ที่ต้องออกแรงกับผิวหน้าประมาณ 2 – 3 สัปดาห์
- งดทานอาหารหน้าเตาร้อนอย่าง ปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
- งดกิจกรรมออกกำลังกายที่หนัก และ ซาวน่า
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ข้อดี
- ใช้ระยะเวลาในการทำ และพักฟื้นไม่นาน
- เมื่อเส้นไหมละลาย จะไม่ทิ้งสิ่งแปลกปลอมไว้ในร่างกาย
- มีความปลอดภัย
- ช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ให้กลับมายกกระชับ และปรับใบหน้าให้เรียวเข้ารูป
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว
- เห็นผลได้ชัดทันทีหลังทำ
- ไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ เพราะไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
ข้อเสีย
- มีรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณที่ร้อยไหม แต่จะลดเลือนลงภายใน 1 สัปดาห์
- หากเส้นไหมที่ใช้ไม่ได้คุณภาพ อาจเกิดหนองขึ้นตามรอยไหมได้
- การร้อยไหมจะเป็นการทำให้ผิวหน้ายกกระชับแค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ต้องทำการร้อยไหมเพิ่มในภายหลัง
ผลข้างเคียง ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงและความเสี่ยง
- อาจมีอาการบวม แดงช้ำบ้าง แต่จะลดเลือนลงประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ สามารถบรรเทาด้วยการใช้ความเย็นประคบใน 1-2 วันแรก บางกรณีแพทย์อาจให้ทานยาป้องกันอาการอักเสบเป็นเวลา 4 – 5 วัน
- ใบหน้าผิดรูปไม่เท่ากัน
- การติดเชื้อ และเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ
- ไหมหลุด หรือ แตกหักในระหว่างการสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง หรือ ขณะดึงรัดเส้นไหม
ภาวะแทรกซ้อน
- อาจทำให้เส้นประสาทใบหน้าผิดปกติได้ เช่นเป็นอัมพาตที่ใบหน้า
- มีอาการปวดเรื้อรัง ไม่หายสักที
- มีเลือดออก
- ประสาทการรับรู้ผิดปกติ
อ่านมาถึงตรงนี้คงทำให้คุณผู้หญิงหลาย ๆ คน สนใจหรือวางแผนที่อยากจะยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึง เผยผิวแลดูอ่อนเยาว์ด้วยการร้อยไหมก้างปลากันแล้วใช่ไหม ดังนั้นสิ่งที่ควรทำอันดับแรกและห้ามลืมเลยก็คือ จะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังให้ละเอียด รอบคอบเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดผลลัพธ์และประสิทธิภาพมากที่สุด รวมไปถึงเพื่อที่จะได้ทราบรายละเอียด กระบวนการขั้นตอน ค่าใช้จ่ายในการร้อยไหม ว่าควรจะต้องจัดสรรอย่างไรบ้างนั่นเอง หวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากจะช่วยให้ตัดสินใจได้มากขึ้นนะ